ทางออกยุคโควิด เหลือไม่มาก เมื่อเจอกับไวรัส-19 กลายพันธุ์ เพราะไม่เพียงแต่ผู้ติดเชื้อ-เสียชีวิต เพิ่มสูงขึ้น แต่ต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจไปด้วย
การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างรวดเร็วในหลายประเทศ ทำให้แต่ละประเทศเลือกใช้วิธีแก้ปัญหาต่างกัน เพราะไม่เพียงแต่ปัญหาผู้ติดเชื้อ-เสียชีวิต เพิ่มสูงขึ้น แต่ยังต้องแก้ปัญหาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับชีวิตผู้คน
จากการระบาดรอบสาม ของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ทำให้ผู้ป่วยและชีวิตเพิ่มสูงอย่างรวดเร็ว เมื่อเปรียบเทียบกับการระบาดรอบที่แล้ว โดยช่วงแรกไม่ได้สร้างความกังวลมากนักสำหรับประเทศที่มีวัคซีนโควิด-19 อย่างเพียงพอ อย่างเช่น สหรัฐและบางประเทศในยุโรป แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจลงไปได้ เมื่อมีการประกาศใช้การจำกัดการเดินทาง
แม้จะประกาศล็อกดาวน์ แต่ดูเหมือนว่ายังไม่สามารถลดอัตราการระบาดลงไปได้ ทำให้หลายประเทศเริ่มเลือกหนทางว่าจะทำอย่างไร ระหว่าง “อยู่” หรือ “สู้” กับโควิด-19
ประเทศจีน ที่มองกันว่ามีมาตรการเด็ดขาดในการ “สู้”กับโควิด-19 แต่การระบาดจากสายพันธุ์ในรอบใหม่ เริ่มรุนแรงขึ้น รัฐบาลเดินหน้า “ขจัดโควิด” ออกจากประเทศให้เร็วที่สุด เป็นวิธีการ “สู้กับโควิด-19” เหมือนที่เคยทำได้ผลมาแล้วในปีก่อน
ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้จำนวนไม่มากนัก แต่พบกระจายในวงกว้างหลายมณฑล จนต้องมีมาตรการล็อกดาวน์บางพื้นที่เพื่อควบคุมการระบาด
แต่ชาวจีนจำนวนมากที่คุ้นเคยกับชีวิต “ปกติ” หลังปลอดเชื้อโควิด-19 มานานข้ามปี ไม่ได้ให้ความร่วมมือกับมาตรการควบคุมรอบใหม่นัก จนรัฐบาลต้องประกาศว่ามีความผิดทางอาญา หากขัดขวางความพยายามป้องกันและควบคุมโรคระบาดของประเทศ
สำหรับความผิดดังกล่าว มีลักษณะเดียวกันหลายประเทศที่เจอกันมา โดยทางการจีนระบุว่าเป็นการขัดขวางงานป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อโควิด-19 และการจงใจเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ อีกทั้งบางกลุ่มจงใจละเมิดมาตรการกำกับควบคุม อาทิ การจำกัดการเดินทาง การกักกันตัวในบ้าน และการรายงานตามข้อเท็จจริง
สถานการณ์ในจีนมีแนวโน้มผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น โดยคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน ระบุว่าจีนแผ่นดินใหญ่ตรวจพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด-19 ในท้องถิ่นเพิ่ม 94 ราย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 ส.ค. โดยพบในในมณฑลเหอหนาน 41 รายมณฑลเจียงซู 38 รายมณฑลหูหนาน 12 รายและมณฑลหูเป่ย 3 ราย
นอกจากนี้ ตรวจพบจากต่างประเทศเพิ่ม 31 ราย โดยอยู่ในนครเซี่ยงไฮ้ มณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) และมณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) แห่งละ 8 ราย ในกรุงปักกิ่ง 3 ราย และในเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน มณฑลเจ้อเจียง มณฑลซื่อชวน (เสฉวน) และมณฑลส่านซี แห่งละหนึ่งราย ซึ่งจีนพบผู้ติดเชื้อเกือบ 1,000 รายในช่วงไม่ถึง 1 เดือน
ในสหรัฐ ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน แต่ไม่ได้ประกาศล็อกดาวน์ เพียงอต่ขอความร่วมมือและจำกัดบางพื้นที่ ซึ่งผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐพุ่งทะยานขึ้นทำสถิติใหม่อีกครั้งตั้งแต่เดือนก.พ.ที่ผ่านมา
สหรัฐ เป็นประเทศที่จัดอยู่ในกลุ่ม “อยู่กับโควิด” ซึ่งมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มขึ้น แต่ก็เร่งมาตรการป้องกันทางด้านสาธารณสุข ด้วยการฉีดวัคซีน เพราะมีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ และไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แม้ว่าจะเป็นประเทศที่ไม่มีปัญหาเรื่องวัคซีน รวมทั้งมาตรการให้คนอยู่กับบ้าน หรือ Work from Home
เช่นเดียวกับหลายประเทศในสหภาพยุโรป(อียู) ตัดสินใจไม่จำกัดการเดินทาง หากนักท่องเที่ยวหรือผู้เดินทางจากต่างประเทศทำตามเงื่อนไขมาตรการป้องกันตามที่กำหนดไว้ เช่น การรับวัคซีนที่ได้รับการรับรอง รวมทั้งยังเปิดรับนักเดินทางจากสหรัฐ พื้นที่ที่ยังระบาดหนัก
ในเอเชีย หลายประเทศที่มีรายได้จากการท่องเที่ยว เริ่มทนไม่ไหวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ โดย อินโดนีเซีย กำลังวางแผนจะลดข้อจำกัดการเดินทางเข้าประเทศในหลายเมือง รวมถึงจาการ์ตา ที่เป็นพื้นที่พบการระบาดหนัก ซึ่งกำลังร่างแผนว่าจะเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ “อยู่ร่วม”กับโควิด-19 อย่างไร
ส่วนประเทศไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศนับถอยหลัง 120วันเปิดประเทศ แต่สถานการณ์การระบาดกลับรุนแรงขึ้น ซึ่งรัฐบาลมีแผนไว้แล้ว แต่จะทำได้หรือไม่ หากสถานการณ์การระบาดยังไม่ดีขึ้น และการฉีดวัคซีนยังไม่บรรลุเป้าหมาย
จากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยาวนานข้ามปี ทำให้ทุกประเทศเริ่มกลับมา “คิดใหม่” ว่าจะเลือกทางไหนดี ระหว่าง “จะอยู่” หรือ “จะสู้” กับโควิด-19 ซึ่งต่างจากปีก่อนหน้านั้น ที่ทุกประเทศมุ่งสู่กับโควิด-19 เหมือนที่เคยทำสำเร็จมาแล้ว แต่แล้วโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ได้ทำให้ทุกอย่าเปลี่ยนไป
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง:
ชีวิตในวิถีความปกติใหม่ “ของจริง” กำลังมาพร้อมกับไวรัสกลายพันธุ์
วัคซีนโควิด-19 คือความหวังเดียว เมื่อโลกต้องอยู่กับไวรัสกลายพันธุ์
โควิดเดลตา: สายพันธุ์ที่เปลี่ยนเกม ต้องปรับกระบวนทัพรับมือกันใหม่