สายพันธุ์เดลตา ที่พบครั้งแรกในอินเดียเมื่อต้นปี กำลังกลายเป็นโควิด-19 สายพันธุ์หลักของโลกแทนสายพันธุ์ ขณะที่ระบาดไปแล้ว 78 ประเทศ ขณะที่ประเทศไทยสถานการณ์หนักขึ้น แพทย์ยอมรับว่า “เริ่มเอาไม่อยู่” โดยเฉพาะในกรุงเทพและปริมณฑล
ศูนย์ข้อมูลเชื้อไรัส หรือ Global Initiative on Sharing All Influenza Data (GISAID) ระบุว่าไวรัสสายพันธุ์เดลตา ตรวจพบแล้วใน 78 ประเทศ และพบเป็นสายพันธุ์หลักในสหราชอาณาจักร อินเดียและรัสเซีย
นายแพทย์แอนโทนี ฟอซี่ ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐอเมริกาและเป็นหัวหน้าที่ปรึกษาทางการแพทย์ของประธานาธิบดี กล่าวเตือนว่าเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา ที่พบครั้งแรกในอินเดียเมื่อเดือนกุมภาพันธุ์ที่ผ่านมา กำลังแพร่ระบาดในอเมริกาอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเป็นอุปสรรคสำคัญในการขจัดเชื้อไวรัสโควิด-19
คำเตือนของนายแพทย์ฟอซี่ เช่นเดียวกับนายรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน ที่กล่าวเตือนก่อนหน้านั้น ซึ่งทำให้หลายประเทศในยุโรปและฮ่องกง ห้ามคนจากอังกฤษเดินทางเข้า หากไม่มีการตรวจเชื้ออย่างละเอียด
ตามข้อมูลของ GISAID ระบุว่าไวรัสสายพันธุ์เดลตา พบแล้วใน 78 ประเทศ ซึ่งคาดว่าการติดเชื้อจะรวดเร็วกว่าเชื้อโควิดที่พบครั้งแรกที่อู่ฮั่นถึง 2-3 เท่า และเข้าแทนที่ไวรัสสายพันธุ์อื่นอย่างรวดเร็ว โดยในเดือนมิ.ย. โควิดวิดสายพันธุ์เดลตา พบมากกว่า 85% ของเชื้อไวรัสในบังคลาเทศ สหราชอาณาจักร อินเดีย อินโดนีเซีย และรัสเซีย และอีกไม่นานจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี เม็กซิโก อาฟริกาใต้ สเปน และสวีเดน
อย่างไรก็ตามข้อมูล GISAID เป็นข้อมูลสายพันธุ์กลายพันธุ์ที่พบในอินเดียทั้งหมด คือ สายพันธุ์เบลตา, B.1.617.2, และ “delta plus” หรือ AY.1, AY.2
เส้นทางสายพันธุ์เดลตาจากอินเดียระบาดไปหลายประเทศทั่วโลก
เบลตาลามหนักประเทศในเอเชีย
การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของสายพันธุ์เบลตา กำลังลุกลามไปทั่วเอเชีย โดยล่าสุดรัฐบาลออสเตรเลียตัดสินใจขยายมาตรการล็อกดาวน์และการเว้นระยะห่างทางสังคมให้ครอบคลุมในหลายพื้นที่ของประเทศ โดยขณะนี้มี 4 เมืองใหญ่ที่อยู่ภายใต้การล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา
ชาวออสเตรเลียกว่าครึ่งของประเทศอยู่ภายใต้คำสั่งให้อยู่แต่ในบ้าน ขณะที่อีกหลายล้านคนต้องเผชิญกับมาตรการจำกัดการเดินทาง ตลอดจนการสวมหน้ากากอนามัยท่ามกลางการระบาดของโรคโควิด-19 ในหลายพื้นที่
ทั้งนี้ ซิดนีย์ซึ่งมีประชากรมากกว่า 5 ล้านคนได้ประกาศล็อกดาวน์เป็นเวลา 2 สัปดาห์จนถึงวันที่ 9 ก.ค. ส่วนรัฐนิวเซาท์เวลส์รายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 22 ราย ซึ่งผู้ติดเชื้อทั้งหมดเชื่อมโยงกับการติดเชื้อก่อนหน้านี้
การแพร่ระบาดยังเกิดขึ้นในฟิลิปินส์ เมื่อรัฐบาลฟิลิปปินส์ประกาศขยายเวลาการใช้มาตรการห้ามผู้ที่เดินทางจาก อินเดีย ปากีสถาน ศรีลังกา บังกลาเทศ เนปาล โอมานและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เดินทางเข้าประเทศจนถึงวันที่ 15 ก.ค.
นายแฮร์รี โร้ก โฆษกประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ กล่าวว่า การขยายมาตรการดังกล่าวออกไป จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในวันพรุ่งนี้ (30 มิ.ย.) มีเป้าหมายเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งมีการพบครั้งแรกในอินเดีย
กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 4,479 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศอยู่ที่ 1,408,058 ราย ซึ่งสูงเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) รองจากอินโดนีเซีย
ขณะที่ประเทศที่มีดินแดนติดกับไทย คือ ลาว ได้พบผู้ติดเชื้อเดลตาเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยสีสะหวาด สุดตะนิระไซ รองอธิบดีกรมควบคุมโรคติดต่อสังกัดกระทรวงสาธารณสุขลาวแถลงข่าวยืนยันการพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ชนิดกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา (Delta) 3 รายแรกของประเทศ
ลาวตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ทั้ง 3 รายในแขวงจำปาศักดิ์ทางตอนใต้ของประเทศ โดยทั้งหมดเป็นแรงงานที่เดินทางกลับมาจากประเทศไทย
อนามัยโลกชี้ฉีดวัคซีนยังต้องสวมหน้ากากอนามัย
องค์การอนามัยโลก (WHO) เรียกร้องให้ประชาชนที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสแล้วยังคงสวมหน้ากากอนามัยเว้นระยะห่างทางสังคมรวมถึงปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัยเพื่อป้องกันโรคต่อไปเนื่องจากไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วได้ลุกลามไปทั่วโลก
“ประชาชนยังไม่ควรคิดว่าตนเองปลอดภัยแล้วแม้จะได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้วก็ตาม ด้วยเหตุนี้ประชาชนจึงยังต้องป้องกันตนเองกันต่อไป” ดร.มารีอันเจลา ซีเมา ผู้ช่วยผู้อำนวยการ WHO ด้านการเข้าถึงเวชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์สุขภาพแถลงระหว่างการประชุมที่สำนักงานใหญ่ของ WHO ที่นครเจนีวา
“วัคซีนเพียงอย่างเดียวไม่สามารถหยุดยั้งการแพร่ระบาดในชุมชนได้ ประชาชนจึงต้องสวมหน้ากากอนามัย อยู่ในที่ๆ มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก รักษาสุขอนามัยของมือ เว้นระยะห่างทางสังคมต่อไป มาตรการเหล่านี้ยังสำคัญมาก ตราบใดที่ยังมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อยู่ในชุมชน แม้คุณจะฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม” ดร.ซีเมากล่าว
การแสดงความเห็นของ WHO เกิดขึ้นหลังจากที่บางประเทศ เช่น สหรัฐ ยกเลิกมาตรการสวมหน้ากากอนามัย รวมถึงมาตรการควบคุมโรคระบาดส่วนใหญ่ไปแล้ว หลังจากที่ยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 ลดลงจากการฉีดวัคซีน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของ WHO ยังขอความร่วมมือให้ประชาชนที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบแล้วทำตามมาตรการด้านความปลอดภัยต่อไป เนื่องจากยังมีประชาชนจำนวนมากทั่วโลกที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ขณะที่ไวรัสที่แพร่กระจายได้รวดเร็วอย่างสายพันธุ์เดลตานั้น ยังคงระบาดต่อเนื่องในหลายประเทศ
ไทยเริ่ม “เอาไม่อยู่”
การระบาดของสายพันธุ์เดลในไทย เริ่มากขึ้นเรื่อย ๆ พบในหลายจังหวัด โดยในกรุงเทพมหานครมากที่สุด และผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตามีสัดส่วนสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากเดิมที่เป็นสายพันธุ์อังกฤษ
พล.อ.ณัฐพลนาคพาณิชย์เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศปก.ศบค.) ยอมรับว่าอาจเกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอก 4 ตามที่แพทย์โรงพยาบาลศิริราชออกมาเตือนเนื่องจากสายพันธุ์เดลตาสามารถแพร่กระจายได้รวดเร็ว
“ลักษณะสายพันธุ์เดลตาเกิดที่อินเดียพอติดเชื้อแล้วแพร่เร็ว…ถึงแม้จะมีการฉีควัคซีนแล้วก็ตาม อย่างเช่น อิสราเอล หรืออังกฤษ ก็ย้อนกลับมาล็อกดาวน์อีกรอบ แม้จะมีการฉีดวัคซีนที่มากพอแล้ว เพราะฉะนั้นการฉีดวัคซีนไม่ได้เป็นการรับประกันจะไม่เกิดการแพร่ระบาดหรือการติดเชื้อ”
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง: โควิดวันนี้ ทุบสถิติ 5,533 ราย เสียชีวิต 57 ราย
Spring News อ้างคำกล่าวของ นายแพทย์ สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ยอมรับว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในพื้นที่กทม.และปริมณฑลตอนนี้วิกฤต จำนวนผู้ป่วยรอเตียงยังมีอีกจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องขอแรงจากแพทย์เหล่านี้ เพื่อช่วยผู้ป่วยให้มีชีวิตรอด เนื่องจากขณะนี้ได้เพิ่มจำนวนเตียงในโรงพยาบาลให้เพิ่มขึ้น แต่ยังขาดแคลนบุคลากรสาธารณสุข และไม่สามารถช่วยอะไรได้
“สถานการณ์โควิดตอนนี้ เป็นสายพันธุ์ที่คุมยาก ยอมรับว่าเริ่มเอาไม่อยู่”
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง:
เรากำลังมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร? จาก ‘อยู่บ้าน หยุดเชื้อ’ มาสู่ ‘ติดเชื้อ อยู่บ้าน’
