คริปโทเคอร์เรนซี ราคาพุ่งทะยานขึ้นตั้งแต่ต้นปี ทำให้หลายคนสนใจ แต่ควรลงทุนในสัดส่วนเท่าไรของพอร์ตลงทุน หากสนใจลงทุนสินทรัพย์ประเภทนี้
คำแนะนำสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน มักจะไปในทิศทางเดียวกันว่าสัดส่วนการลงทุนเท่าไรนั้น มันขึ้นกับความ “คุณรับความสี่ยง”ได้แค่ไหน และมีความรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลแค่ไหน
ในเร็ว ๆ นี้ สมาคมวางแผนทางการเงิน (Financial Planning Association) ของสหรัฐ ได้ทำการสำรวจที่ปรึกษาการเงินในสหรัฐ 500 ราย ระบุว่าลูกค้าได้ปรึกษาการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีเพิ่มขึ้น 17% จากปี 2020 และอีก 14% ระบุว่าเคยให้คำปรึกษาลูกค้า
บิตคอยน์ (Bitcoin) เริ่มเกิดขึ้นมาเพียง 10 ปี ประเด็นของบิตคอยน์คือการขุดเหมืองกับการซื้อขายรายวัน ในปัจจุบัน คนเริ่มเพิ่มน้ำหนักลงทุนในพอร์ตมากขึ้น แต่การลงทุนในบิตคอยน์ เป็นเรื่องที่มากกว่าการยอมรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น
นักวิเคราะห์มองว่านักลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลควรมีพื้นฐานการลงทุนมาก ๆ ต้องตอบให้ได้ว่าทำไมจึงเพิ่มพอร์ตลงทุน คริปโทเคอร์เรนซี หากมีความสนใจลงทุน อย่างเช่นนักลงทุนบางคนมีความเชื่อว่าบล็อกเชน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังบิตคอยน์ ช่วยให้ระบบเศรษฐกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งอาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้
เพราะราคาบิตคอยน์ค่อนข้างผันผวนสูง การจัดสรรเงินลงทุนเพียงไม่มากนัก เพื่อกระจายพอร์ตลงทุนอาจจะทำได้ แต่นักลงทุนต้องมีความรู้อย่างเพียงพอเพื่อใช้ในการตัดสินใจลงทุน ซึ่งแม้ราคาจะผันผวน มันก็ล่อใจสำหรับคนที่ชอบเก็งกำไร แต่บรรดาที่ปรึกษาการลงทุนส่วนมากจะแนะนำให้ลงทุนเพียงแค่ 1-2% ของพอร์ตเท่านั้น
การลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงจากราคาที่ผันผวนสูง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยกตัวอย่างเช่นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นจากระดับ 9,000 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 32,000 ดอลลาร์ และแตะระดับสูงสุดในเดือนเมษายนที่ผ่านมา 64,000 ดอลลาร์
นักวิเคราะห์บางคนมองว่าจากราคาผันผวนค่อนข้างสูง เป็นเรื่องของการ “เก็งกำไร” มากกว่าการลงทุนเพื่อใช้ในการสร้างพอร์ตมากนัก อีกทั้งยังมีความเสี่ยงในเรื่องกฏกติกาในหลายประเทศ
ตั้งแต่ราคาบิตคอยน์ทะยานแตะระดับสูงสุดในเดือนเมษายน ราคาร่วงลงอย่างหนักจากทางการจีนห้ามการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ค่อย ๆ ฟื้นตัว มาอยู่ระดับ 40,000 ดอลลาร์
พฤติกรรมของคริปโทเคอร์เรนซี นับว่ามีความแตกต่าง ไม่มีคำแนะนำสำหรับการลงทุนเพื่อใช้คริปโทฯ เป็นสินทรัพย์กระจายความเสี่ยง เหมือนที่ลงทุนนพันธบัตร หุ้น หรือทองคำ หรือแม้แต่การลงทุบแบบเก่า เหมือนดังที่ วอร์เรล บัฟเฟตต์ เจ้าพ่อวีไอ มองว่าคริปโทฯไม่มีคุณค่าในตัวมันเอง และไม่ได้ก่อให้เกิด “กระแสเงินสด ไม่มีการจ่ายดอกเบี้ย หรือเงินปันผล ซึ่งเป็นปัจจัยที่ใช้ในการอธิบายราคาขึ้น-ลง”
นักวิเคราะห์เฝ้ามองในการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงที่ผ่านมา ส่วนใหญ่มาจากการเก็งกำไร ตามข่าว “การนำมาใช้ประโยชน์”
บางคนแนะนำว่าหากจะลงทุในคริปโทฯโดยตรง สู้เอาเงินไปลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับล็อกเชน ดูจะมีอนาคตมากกว่า และการเคลื่อนไหวราคาไม่หวือหวามากนัก
แต่หากสนใจลงทุน จะซื้อเท่าไหร่ดีของพอร์ต?
ในสหรัฐฯดูเหมือนนักลงทุนให้คามสนใจอย่างมาก แต่ผู้ถือครองรายใหญ่มีไม่มากนัก ส่วนใหญ่เป็นพวกสถาบันใหญ่ ๆ ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่าคริปโทฯส่วนใหญ่อยู่ในมือของบรรดานักลงทุนรายใหญ่ มีเพียงส่วนน้อยที่อยู่กับนักลงทุนทั่วไป
ที่ปรึกษาการลงทุนบางคนแนะนำลูกค้าว่าหากสนใจจริง ๆ และยอมรับความเสี่ยงได้ ควรซื้อเพียงเล็กน้อยของพอร์ตลงทุน และซื้อไว้ตามที่กำหนดไว้ จนกระทั่งถึงราคาที่ตั้งเป้าหมายไว้ให้ขาย ทำให้มีโอกาสทำกำไรได้ เพื่อลดความเสี่ยง “ติดดอย” ไปซื้อในราคาสูง
คำแนะนำทั่วไป สำหรับนักลงทุน คือ ไม่ควรเกิน 0.5% ของพอร์ตลงทุน แต่หากมีความรู้และความมั่นใจก็เพิ่มได้ 1% นักลงทุนทั่วในขณะนี้ส่วนใหญ่จะซื้อเพียงแค่ 1% ของพอร์ตลงทุน
สิ่งที่ต้องระวังอย่างยิ่งสำหรับลงทุนคริปโทเคอร์เรนซี ไม่เฉพาะบิตคอยน์เท่านั้น รวมถึงรายอื่นด้วย ก็คือ นักลงทุนต้องดูการเคลื่อนไหวราคา “บ่อย ๆ ที่สุดเท่าที่ทำได้” ไม่เหมือนสินทรัพย์เดิม ที่นักลงทุนบางคนสามารถ “ซื้อแล้วลืมไปสักพัก” เพราะเป็นการลงทุนระยะและมีความมั่นใจ แต่ทำไม่ได้อย่างนั้นกับคริปโทฯ เพราะเงินลงทุนอาจหายไปครึ่งเพียงไม่กี่วัน
ดังนั้น คนที่เคยลงทุนในคริปโทฯไปแล้ว ย่อมรู้ดี แต่สำหรับคนที่ใหม่กับเรื่องนี้ อาจต้องค่อย ๆ ศึกษา ต้องเข้าใจอันดับแรกว่า เป็นสินทรัพย์ชนิดใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ และเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนส่วนใหญ่ของโลก ที่คุ้นเคยกับสินทรัพย์ประเภทเดิมมานานหลายร้อยปี
สิ่งสำคัญแรกสุด จะต้องศึกษาว่าคริปโทเคอร์เรนซี แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงจากโลกที่คุ้นเคย และยังไม่รู้อนาคตว่าจะเป็นอย่างไร เพราะมีความชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ว่าธนาคารกลางหลายประเทศไม่ให้การยอมรับ ซึ่งจะเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่ออนาคตของคริปโทเคอร์เรนซี
หากประเทศยักษ์ใหญ่ของโลก นอกเหนือจากจีน เริ่มขยับมากยิ่งขึ้น มูลค่าของคริปโทฯก็มีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น มูลค่าที่พุ่งทะยานหน่วยละเป็นล้านบาท อาจกลายเป็นสิ่งไร้ค่าเพียงไม่กี่วัน
คำเตือนจากผู้ที่ไม่ค่อยเห็นด้วยกับสกุลเงินประเภทนี้ เป็นเหมือน “คำขู่” แต่หากมองอีกด้าน ก็เป็น “ความจริง” ที่ดำรงอยู่กับสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ไม่มีสินทรัพย์ใด ๆ รองรับ ใครต้องการจะลงทุนจริง ๆ ต้องตระหนักให้มากกับสารพัดความเสี่ยง ก่อนคิดจะลงทุนอย่างจริงจัง
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง:
เงินดิจิทัลโดยธนาคารกลางผงาด นับถอยหลังสกุลคริปโทเคอร์เรนซี
สินทรัพย์ดิจิทัลป่วน! ก.ล.ต.ห้ามโทเคน-คริปโท 4 ประเภท
ธปท.เดินหน้าพัฒนาสกุลเงินดิจิทัล เริ่มทดสอบใช้จริงกลางปีหน้า