โครงการบ้านล้านหลัง

ใครต้องการซื้อบ้านไม่เกิน 1.2 ล้าน ดอกเบี้ยถูกกว่าเดิม ยื่นได้ที่ธอส. ตั้งแต่ 10 ก.ย.นี้

โครงการบ้านล้านหลัง เฟส 2 ได้เดินหน้าต่อ ครม. เพิ่มกรอบวงเงิน 2 หมื่นล้าน ให้ ธอส. ปล่อยกู้ แต่ปรับเงื่อนไขดีกว่าเดิม ทั้งไม่กำหนดเกณฑ์รายได้ผู้กู้ ดอกเบี้ยคงที่ 1.99% นาน 4 ปี

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2564 อนุมัติ โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2โดยให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) ปล่อยสินเชื่อแก่ประชาชนให้สามารถซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในราคาซื้อขายไม่เกิน 1.2 ล้านบาท

ปัจจุบันมีผู้ยื่นขอสินเชื่อจนใกล้เต็มกรอบวงเงินโครงการแล้ว โดยข้อมูลตั้งแต่เริ่มโครงการ จนถึงวันที่ 21 ก.ค. 2564 ธอส.ได้อนุมัติสินเชื่อโครงการบ้านล้านหลังแล้ว 52,514 ราย เป็นเงิน 39,522.37 ล้านบาท จากวงเงินโครงการรวม 50,000 ล้านบาท

ดังนั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในราคาและอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น ครม.จึงเห็นชอบทบทวนมติเดิมโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการดังนี้

1.ปรับชื่อเป็นโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2) พร้อมปรับกรอบรวงเงินโครงการเพิ่มจำนวน 20,000 ล้านบาท ทำให้วงเงินโครงการบ้านล้านหลังรวมทั้งสิ้น 70,000 ล้านบาท

2. ธอส.ไม่กำหนดเกณฑ์รายได้ผู้กู้ เงินงวดผ่อนชำระรายเดือนไม่เกิน 1 ใน 2 ของรายได้สุทธิต่อเดือน จากเดิมที่กำหนด (1) ผู้กู้มีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 25,000 บาท ผ่อนชำระรายเดือนไม่เกิน 1 ใน 2 ของรายได้สุทธิต่อเดือน (2) ผู้กู้มีรายได้ต่อเดือนเกิน 25,000 บาท ผ่อนชำระรายเดือนไม่เกิน 1 ใน 3 ของรายได้สุทธิต่อเดือน

3. ปรับอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 1.99 ต่อปี เป็นระยะเวลา 4 ปี (จากเดิมดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 3 ต่อปี เป็นระยะเวลา 5 ปี สำหรับผู้กู้ที่มีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 25,000 บาท)

4.ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการออกไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2566 หรือจนกว่า ธอส. ให้สินเชื่อจนเต็มวงเงินโครงการ จากเดิมสิ้นสุด 31 ธ.ค. 2564 

นอกจากนี้ ครม.ได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี จำนวน 700 ล้านบาท เพื่อชดเชยให้ ธอส. สำหรับส่วนต่างระหว่างรายได้ดอกเบี้ยรับตามแผนวิสาหกิจของ ธอส. กับรายได้ดอกเบี้ยรับจากโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2)

นางสาวรัชดากล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมให้กระทรวงการคลังติดตามการดำเนินโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 อย่างใกล้ชิด และกำกับดูแลให้ ธอส. พิจารณาอนุมัติสินเชื่อ โดยมุ่งเน้นผู้กู้ที่ยังไม่เคยมีที่อยู่อาศัยมาก่อนเป็นอันดับแรก

ธอส.ออกโปรโมชัน ‘ลด-แลก-แจก-แถม’

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ให้กู้ซื้อที่อยู่อาศัยราคาซื้อขายไม่เกิน 1,200,000 บาท ทั้งบ้านใหม่ บ้านมือสอง และทรัพย์ NPA ของ ธอส. เงินงวดคงที่งวดละ 5,000 บาท นานถึง 84 งวดแรก (กรณีกู้ 1.2 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 40 ปี)

ฟรีค่าธรรมเนียม 4 ประเภท 1.ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ 2.ค่าประเมินราคาหลักประกัน 3.ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และ 4.ค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง ลงทะเบียนผ่าน Mobile Application : GHB ALL เพื่อรับรหัสเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 10 ก.ย. 2564 เวลา 9.00 . เป็นต้นไป

บ้านล้านหลัง

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคาซื้อขายไม่เกิน 1,200,000 บาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4 ปีแรกเท่ากับ 1.99% ต่อปี ปีที่ 5-7 เท่ากับ MRR -2% ต่อปี และปีที่ 8 ถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไป เท่ากับ MRR -0.75% ต่อปี กรณีลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR -1% ต่อปี และกรณีกู้เพื่อซื้ออุปกรณ์ฯ เท่ากับ MRR (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR ของธนาคารอยู่ที่ 6.150% ต่อปี) ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 40 ปี เงินงวดคงที่ 84 งวดแรก ( 7 ปี )

กรณีกู้ 1,200,000 บาท ผ่อนชำระงวดละ 5,000 บาท ในช่วง 84 งวดแรก ให้กู้เพื่อซื้อบ้าน หรือห้องชุด ทั้งที่เป็นที่อยู่อาศัยใหม่ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์บ้านมือสอง และทรัพย์ NPA ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ เพื่อปลูกสร้าง และซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัยพร้อมซื้อบ้านหรือห้องชุด

ธอส. ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการมีบ้านให้กับลูกค้าด้วยการยกเว้นค่าธรรมเนียม 4 ประเภท ประกอบด้วย 1.ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ (0.1% ของวงเงินกู้) 2.ค่าประเมินราคาหลักประกัน (1,900-2,300 บาท) 3.ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม (1,000 บาท ต่อราย) และ 4.ค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง (1% ของวงเงินจำนอง)

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยได้มีบ้านเป็นของตนเอง ธอส. จึงได้ผ่อนปรนเงื่อนไขสำหรับลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อช่วยให้ลูกค้ามีโอกาสได้รับวงเงินสินเชื่อที่เหมาะสม รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่ประกอบอาชีพประจำหรืออาชีพอิสระ

ธนาคารยังเปิดให้นำหลักฐานการชำระค่าเช่าบ้าน หรือผ่อนชำระเงินดาวน์บ้านไม่น้อยกว่า 12 เดือนมาใช้ประกอบการพิจารณาสินเชื่อ และหากไม่สามารถแสดงหลักฐานที่มาของรายได้ให้ธนาคารพิจารณาได้ ให้ลูกค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ Financial Literacy และออมอย่างสม่ำเสมอไม่น้อยกว่าเงินงวดผ่อนชำระเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 9 เดือน เพื่อใช้เป็นหลักฐานการพิจารณาสินเชื่อกับธนาคารได้ต่อไป

สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถรับรหัสเข้าร่วมโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 ได้พร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่ วันศุกร์ที่ 10 ก.ย. 2564 เวลา 9.00 . เป็นต้นไป เพียงดาวน์โหลด Mobile Application : GHB ALL และกดลงทะเบียนเพื่อรับรหัสเข้าร่วมโครงการ เมื่อทำตามขั้นตอนครบถ้วนแล้วลูกค้าจะได้รับรหัส 9 ตัวทาง GHB Buddy บน Application Line (ตัวอักษร 3 ตัว และตัวเลข 6 ตัว)เพื่อนำมาแสดงในการยื่นขอสินเชื่อตั้งแต่วันศุกร์ที่ 10 กันยายน 2564 เป็นต้นไป และทำนิติกรรมได้ภายในวันที่ 30 ธ.ค. 2566 หรือ ก่อนเต็มกรอบวงเงินของโครงการ

เลือกซื้อสินทรัพย์มือสองจากธอส.ได้

นอกจากนี้ ธอส. ยังได้นำบ้านมือสองของธนาคาร หรือทรัพย์ NPA ทั่วประเทศ จำนวนกว่า 1,500 รายการ ที่มีราคาขายไม่เกิน 1,200,000 บาท ลดราคาสูงสุดถึง 50% จากราคาจำหน่ายปกติมาเข้าร่วมโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 จองซื้อก่อนได้สิทธิ์ก่อน

ธอส. ลดภาระค่าใช้จ่ายให้อีก 3 ต่อสำหรับลูกค้าที่ซื้อทรัพย์ NPA ต่อที่ 1 เลือกใช้มาตรการผ่อนดาวน์ดอกเบี้ย 0% นานถึง 12 เดือน

ก่อนยื่นกู้โดยใช้อัตราดอกเบี้ยของโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 ต่อที่ 2 ฟรี! ค่าประกันอัคคีภัย 3 ปีแรก สำหรับลูกค้า 150 รายแรก ที่ซื้อและโอนกรรมสิทธิ์ภายใน 2 เดือน นับจากวันทำสัญญาจะซื้อจะขาย และต่อที่ 3 วางเงินประกันการซื้อทรัพย์เพียง 5,000 บาททุกรายการ ดูข้อมูลทรัพย์ NPA ที่เข้าร่วมโครงการบ้านล้านหลังได้ที่ www.ghbhomecenter.com หรือ Mobile Application : G H Bank Smart NPA และ Line Official Account : @GHB NPA

ทั้งนี้ ธอส. ดำเนินโครงการบ้านล้านหลัง ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. 2562 ภายใต้กรอบวงเงินสินเชื่อสำหรับลูกค้ารายย่อย (Post Finance) รวม 50,000 ล้านบาท ให้กู้ซื้อที่อยู่อาศัยราคาซื้อขายไม่เกิน 1,000,000 บาท และเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2563 ที่ประชุม ครม. เห็นชอบให้ปรับราคาซื้อขายและวงเงินกู้เป็นไม่เกิน 1,200,000 บาท กรณีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5 ปีแรก 3.00% ต่อปี กรณีรายได้เกิน 25,000 บาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก 3.00% ต่อปี

ล่าสุด วันที่ 5 ก.ย. 2564 มีลูกค้าได้รับอนุมัติสินเชื่อแล้ว 53,000 ราย วงเงินรวมกว่า 40,000 ล้านบาท ขณะที่สินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย (Pre Finance) ของโครงการบ้านล้านหลัง ได้ทำให้มีที่อยู่อาศัยใหม่ในระดับราคาซื้อขายไม่เกิน 1,200,00 บาท ให้กับประชาชนได้เลือกซื้อเพิ่มขึ้นกว่า 3,500 หน่วย โดยมีผู้ประกอบการได้รับอนุมัติสินเชื่อแล้ว 9 โครงการ วงเงินสินเชื่อกว่า 946 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติอีก 3 โครงการ วงเงินสินเชื่อ 439 ล้านบาท

เรื่องที่เกี่ยวข้อง:

ธุรกิจอสังหาฯซบหนัก โครงการใหม่ลด 32% ยอดขายร่วง 14.3%

ตลาดอสังหาฯฟุบหนักจากโควิด-19 คาดใช้เวลา 5-6 ปีฟื้นตัวกลับสู่ปกติ

เจาะลึกธุรกิจไทยฝ่าวิกฤตโควิด-19 ‘ใครฟื้น-ใครฟุบ-ใครจะไปไม่รอด’

10 ข่าวเด่นรอบสัปดาห์

คณะแพทย์ฯ จุฬาฯ ชูพหุวัฒนธรรม ลดความเหลื่อมล้ำบริการสุขภาพ
ลาแอฟริกา สร้างความเสี่ยงโรคอุบัติใหม่ไทย-เวียดนาม
เตือนไทย-เวียดนาม เสี่ยงโรคอุบัติใหม่จากสัตว์สู่คน ผ่านเส้นทางค้าหนังลาป้อนตลาดจีน
"Work Life Balance ไม่ได้มาฟรี ๆ" ธนา เธียรอัจฉริยะ มองชีวิต-การงาน
ประวัติศาสตร์ไทยในฉลองพระองค์
คีตศิลป์นครศรีฯ สืบสานวัฒนธรรมพื้นถิ่นแดนใต้
เวิร์กช้อปสื่อ เข้าใจ "ท้องวัยรุ่น"
ศิลปะแห่งความรัก
เรารบกันวันต่อวัน ชั่วโมงต่อชั่วโมง : ช่อง one31 กับ 8 ปี ทีวีดิจิทัล
สังคมเปลี่ยน สื่อปรับ ช่อง 3 จะไปทางไหน