เงินต่างชาติ นอกไหลกลับตลาดเงินตลาดทุน คาดค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้า แนวโน้มแข็งค่า แต่เคลื่อนไหวผันผวน ดันตลาดหุ้นยืนเหนือ 1,600 จุดได้อย่างแข็งแกร่ง
ตลาดเงินตลาดทุนไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมา คึกคักขึ้นมาบ้าง เมื่อกระแสเงินไหลเข้าเพิ่มขึ้น ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น และ ตลาดหุ้นขยับขึ้นเหนือ 1,600 จุดได้อย่างแข็งแกร่งและมีแนวโน้มไปจะไปต่อ
สำหรับค่าเงินบาท ธนาคารกสิกรไทย มองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์ถัดไป (6-10 ก.ย.) ที่ 32.20-33.00 บาทต่อดอลลาร์
ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ กระแสเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ สถานการณ์โควิดและตัวเลขเงินเฟ้อเดือนส.ค. ของไทย รวมถึงผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB)
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน อัตราการหมุนเวียนของแรงงาน และข้อมูลสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนส.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามข้อมูลเศรษฐกิจเดือนส.ค. ของจีน อาทิ ตัวเลขการส่งออก ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต และตัวเลขจีดีพี ไตรมาส 2/64 ของยูโรโซนและญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน
เงินบาทกลับมาอ่อนค่าในช่วงปลายสัปดาห์ โดยเงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นในช่วงต้นถึงกลางสัปดาห์ตามแรงหนุนจากสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรและหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับเงินดอลลาร์ยังคงเผชิญแรงกดดัน หลังจากประธานเฟดส่งสัญญาณไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย แม้สถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดีขึ้นจะทำให้เฟดพร้อมเริ่มลดวงเงินซื้อสินทรัพย์ผ่าน QE ภายในปีนี้ก็ตาม
เงินบาททยอยอ่อนค่ากลับมาในช่วงที่เหลือของสัปดาห์เนื่องจากมีแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ตามปัจจัยทางเทคนิคและเพื่อปรับโพสิชันก่อนการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐปลายสัปดาห์
ในวันศุกร์ (3 ก.ย.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 32.58 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 32.63 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (27 ส.ค.)
สำหรับตลาดหุ้นในสัปดาห์ถัดไป (6-10 ก.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,635 และ 1,620 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,665 และ 1,680 จุด ตามลำดับ
ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิดทั้งในและต่างประเทศ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนส.ค. ของไทย รวมถึงประเด็นการเมืองภายในประเทศ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนส.ค. และจํานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ การประชุม ECB ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/64 ของยูโรโซนและญี่ปุ่น ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนส.ค. ของจีน อาทิ ดัชนีราคาผู้ผลิต และดัชนีราคาผู้บริโภค
หุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,650.33 จุด เพิ่มขึ้น 2.43% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 106,619.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.94% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.90% มาปิดที่ 526.33 จุด
หุ้นไทยปรับตัวขึ้นท่ามกลางแรงหนุนจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์บางส่วน (มีผลตั้งแต่ 1 ก.ย.) การส่งสัญญาณยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด สถานการณ์โควิดในประเทศซึ่งอยู่ในทิศทางทรงตัว ตลอดจนแรงซื้อจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยในภาพรวมปรับตัวขึ้นตามแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มพลังงานที่ได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งมีแรงหนุนจากพายุเฮอร์ริเคนไอดาและการปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันในปีหน้าของกลุ่มโอเปก
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง:
แนะหุ้นเด่นไตรมาส 4 ในภาวะตลาดขึ้นจำกัด เหตุกำไรบริษัทจดทะเบียน-เศรษฐกิจฟื้นช้า
เงินบาทแข็งในกรอบ 32.40-32.85 จับตา ‘เงินร้อน’ ไหลเข้าตลาดหุ้น
สธ.ปรับใหม่ฉีดวัคซีนเป็น 4 สูตร ‘แอสตร้าฯ-ไฟเซอร์’ทะลักเดือนต.ค.