ยาฟาวิพิราเวียร์ ที่ใช้รักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังมีความเข้าใจผิดว่าเป็นยาป้องกันการติดเชื้อและฆ่าเชื้อได้ แม้ว่าองค์การอนามัยโลก(WHO) มีผลศึกษามานาน ตั้งแต่เริ่มการระบาดว่าไม่สามารถป้องกันได้ แต่ก็มักจะมีประเด็นเป็นระยะใน “โลกโซเซียล” โดยเฉพาะจากผู้ที่ชอบอ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญและมักจะมีความเห็นเปลี่ยนไปรายวัน
อาการปวดหัวของเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ต่อการชี้แจงประเด็นรายวันที่ปรากฏบนโลกออนไลน์ โดยล่าสุดกรณีของยาฟาวิพิราเวียร์ โดยยืนยันผลการศึกษาตั้งแต่การระบาดรอบแรกในไทยปี 2563 พบว่าหากได้รับยาเร็วตั้งแต่เริ่มมีอาการภายใน 4 วัน ช่วยลดอาการรุนแรงได้ร้อยละ 30 สอดคล้องกับงานวิจัยในต่างประเทศ แต่ไม่ใช่การรักษาโควิด

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ บอกว่ายาฟาวิพิราเวียร์กับการรักษาโควิด 19 เป็นคนละเรื่อง ปัจจุบันยังไม่มียาที่ขึ้นทะเบียนว่าเป็นยารักษาโควิด 19
การนำยาฟาวิพิราเวียร์มาใช้ในการรักษา เนื่องจากเป็นยาต้านไวรัสที่ออกฤทธิ์ยับยั้งจำนวน RNA ทำให้กำจัดไวรัสออกจากร่างกายได้ ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นยารักษาไข้หวัดใหญ่และโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา
ในการระบาดระลอกแรกปี 2563 มีการรักษาด้วยยาฟาวิพิราเวียร์ในประเทศต่าง ๆ เช่นประเทศจีน พบว่า ลดการติดเชื้อได้ดีกว่าใช้ยาต้านไวรัสโลพินาเวียร์ (Lopinavir) และยาริโทนาเวียร์ (Ritonavir) ที่รัสเซียพบว่า กำจัดเชื้อโควิด 19 ได้ดีกว่าการรักษาตามมาตรฐานในวันที่ 5
นอกจากนี้การศึกษาจากหลายสถาบันของไทยในการระบาดระลอกแรกปี 2563 จำนวน 424 คน พบว่า หากได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ภายใน 4 วันตั้งแต่เริ่มมีอาการจะลดความรุนแรงได้ร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลังมีอาการ 4 วัน
อนึ่ง จากการศึกษาผู้ป่วยกลุ่มเล็ก ๆ ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี พบว่ากลุ่มที่มีอาการปอดบวมรุนแรงอาการจะดีขึ้นเฉลี่ยภายใน 14 วันส่วนกลุ่มที่ปอดบวมไม่รุนแรงจะดีขึ้นใน 9 วัน
คณะกรรมการกำกับการดูแลรักษาโรคโควิด 19 ที่ประกอบด้วย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จากกระทรวงสาธารณสุข ราชวิทยาลัยและสมาคมวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง เช่น สมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย สมาคมเวชบำบัดวิกฤตแห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย เป็นต้น และโรงเรียนแพทย์ อาทิ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์จุฬาฯ เป็นต้น จึงได้กำหนดการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ไว้ในแนวทางเวชปฏิบัติ การวินิจฉัย ดูแลรักษาและป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งมีการทบทวนและปรับปรุงเป็นระยะ จากการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ ทั้งประสบการณ์ดูแลรักษาผู้ป่วย และรายงานการศึกษาวิจัยทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งได้หารือเพื่อทำการศึกษาวิจัย ยาใหม่ๆ เช่น ยาไอเวอร์เม็คติน ฟลูวอกซามีน เป็นต้น
สำหรับการวิจัยของ HITAP ได้ทบทวนจาก 12 การศึกษาในต่างประเทศ บางรายงานพบว่ายาฟาวิพิราเวียร์ มีประสิทธิผลในการรักษาโควิด และบางรายงานไม่มีประสิทธิผล ซึ่งประสิทธิผลในการรักษาต้องพิจารณาจากหลายประเด็น เช่น ความรุนแรงของผู้ป่วยโควิด สถานที่การศึกษา เช่น ในหอผู้ป่วยนอก/ หอผู้ป่วยใน ขนาดและปริมาณยาที่ใช้รักษาที่แตกต่างกัน เป็นต้น
ส่วนใหญ่ใน 12 การศึกษาเป็นการเปรียบเทียบกับยาอื่น ๆ ที่ใช้รักษาในแต่ละประเทศ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลการศึกษาที่มีผลเหมือนกันคือ ยาฟาวิพิราเวียร์ มีประสิทธิผลในการลดอาการทางคลินิกใน 7 วัน และ 14 วัน เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ใช้ยา ซึ่งสนับสนุนแนวทางการรักษาของไทยที่ปรับปรุงล่าสุด ฉบับที่ 17 ที่เริ่มให้ยาเร็วที่สุดตั้งแต่เริ่มมีอาการ
ทั้งนี้ ยาฟาวิพิราเวียร์ ค้นพบโดยบริษัทฟูจิฟิล์ม โตยามะเคมิคอล ในประเทศญี่ปุ่น และได้รับอนุมัติให้ใช้ในญี่ปุ่น ตั้งแต่เดือน มี.ค. ปี 2557 เพื่อใช้รักษาโรคไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ใช้ยาอื่นไม่ได้ผล
มีการใช้ยานี้ในช่วงที่มีการระบาดอย่างหนักของไวรัสอีโบลาในแถบแอฟริกาตะวันตกช่วงปี 2557-2559 และในการระบาดของโรคโควิด-19 ที่อุบัติใหม่ขึ้นมาเมื่อปีที่แล้ว
สำนักงานบริหารผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ประเทศจีนได้ให้การรับรองว่ายาฟาวิพิราเวียร์เป็นยาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพต่อต้านโรคโควิด-19 เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2563
ฟาวิพิราเวียร์ จะมีฤทธิ์ยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสเมื่อรับประทานเข้าสู่ร่างกายและยาถูกเปลี่ยนแหลงภายในเซลล์เป็นสารฟาวิพิราเวียร์ อาร์ทีพี ทั้งนี้ ยาชนิดนี้มีผลป้องกันการเพิ่มจำนวน RNA ของไวรัส แต่ไม่มีผลยับยั้งการสังเคราะห์ RNA หรือ DNA ของเซลล์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อต้นเดือน เม.ย. สถาบันวิจัยสุขภาพแห่งชาติของสหราชอาณาจักร เพิ่งจะเริ่มโครงการทดสอบทางคลินิกในการใช้ยาตัวนี้รักษาผู้ป่วยที่พักฟื้นจากโควิด-19 และสถานรักษาตัวอื่น ๆ ที่ไม่ใช่โรงพยาบาล โดยโครงการได้เปิดรับสมัครอาสาสมัครผู้ป่วยโควิดเข้าร่วมการรักษาจากทางบ้าน
ฟาวิพิราเวียร์ เป็นยาชนิดที่ 6 ที่เข้าสู่โครงการทดลองรักษาทางคลินิกโรคโควิด-19 ในผู้ป่วยของสหราชอาณาจักร ภายหลังนักวิจัยของมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดและคณะกรรมการโครงการที่เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตัดสินใจนำตัวยาชนิดนี้เข้าสู่การทดลองรักษา
ล่าสุด องค์การเภสัชกรรม ได้ผลิตยาฟาเวียร์ (200มิลลิกรัมต่อเม็ด) มีชื่อสามัญทางยา คือ ยาฟาวิพิราเวียร์ ( Favipiravir ) โดยยาฟาเวียร์เป็นผลิตภัณฑ์ยาสามัญรายแรกของประเทศไทยมีคุณภาพมาตรฐานสากล โดยเริ่มผลิตและกระจายให้ผู้ป่วยในไทยแล้ว
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง:
อนามัยโลกทดสอบยาเพิ่ม 3 ตัว หวังรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาล
รู้จัก “ฟาวิพิราเวียร์” ยาต้านโควิด-19 รับสถานการณ์ระบาดหนัก