ผู้ติดเชื้อโควิด-19 เดินทางกลับไปรักษาที่ต่างจังหวัดเกือบ 1 แสนรายในรอบ 1 เดือน ภาคอีสานสูงสุด แนะเข้าระบบส่งกลับรักษาอย่างปลอดภัย ป้องกันแพร่เชื้อต่อ ได้รับการประเมินอาการ ทุกจังหวัดเตรียมพร้อมดูแลทั้ง รพ.สนาม ดูแลที่บ้านและชุมชน
นายแพทย์ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า หลังจากประกาศมาตรการล็อกดาวน์ทำให้มีประชาชนเดินทางออกจาก กทม.และปริมณฑลกลับสู่ภูมิลำเนาจำนวนมาก และมีผู้ติดเชื้อเดินทางกลับไปด้วย
จากข้อมูลของทั้ง 12 เขตสุขภาพตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.- 4 ส.ค. 2564 มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 กลับต่างจังหวัดและเข้าระบบการดูแลรักษาแล้ว 94,664 คน มากกว่าครึ่งอยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน รองลงมาคือภาคเหนือ ภาคกลางและตะวันออก และภาคใต้ ตามลำดับ
“ช่วงแรกส่วนใหญ่ผู้ป่วยเดินทางกลับด้วยตนเอง มีทั้งติดต่อโรงพยาบาลปลายทางและไม่ติดต่อ ซึ่งเป็นความเสี่ยงแพร่เชื้อระหว่างเดินทางและในพื้นที่”
หลายจังหวัดมีการจัดทำโครงการรับผู้ติดเชื้อกลับบ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดยานพาหนะรับส่ง และล่าสุดภาครัฐ มีนโยบายให้กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กระทรวงคมนาคม และกระทรวงมหาดไทย จัดบริการรับผู้ติดเชื้อกลับบ้านอย่างปลอดภัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่ชุมชน ประชาชนที่จะกลับต่างจังหวัดสามารถติดต่อประสานงานล่วงหน้ากับ สปสช. เพื่อประเมินอาการก่อนเดินทาง ขณะเดินทางต้องใส่หน้ากากตลอด เตรียมยาโรคประจำตัวให้พร้อม เกิดภาวะฉุกเฉินโทร 1669 หากจำเป็นต้องใช้ห้องน้ำ ให้ล้างมือก่อนและหลังใช้
เมื่อเดินทางถึงจุดนัดที่ภูมิลำเนาจะมีเจ้าหน้าที่ประเมินอาการผู้ป่วยอีกครั้งเพื่อแยกอาการ โดยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสีเขียวที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย รักษาได้ทั้งในโรงพยาบาลสนาม ที่บ้านและชุมชน ส่วนกลุ่มสีเหลือง อาการปานกลาง พิจารณารักษาในโรงพยาบาลชุมชน บางจังหวัดที่มีการติดเชื้อมากได้จัดเป็นโรงพยาบาลโควิดโดยเฉพาะ และกลุ่มสีแดง มีอาการรุนแรง มีอาการเหนื่อย ระดับออกซิเจนในเลือดลดลง รักษาในโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป
ที่ผ่านมามีการเพิ่มเตียงไอซียูรองรับแล้ว และมีระบบการส่งต่อผู้ป่วยภายในเขตสุขภาพ จากการดำเนินงานทั้งหมดจะช่วยให้มีเตียงรับผู้ป่วยรักษาได้อย่างเหมาะสมตามอาการ
ขณะนี้บุคลากรทางการแพทย์ในต่างจังหวัดมีภาระงานเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการจัดทีมเข้ามาช่วยเหลือพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ดูแลผู้ติดเชื้อในพื้นที่ และดูแลผู้ติดเชื้อที่เดินทางกลับมารักษา กระทรวงสาธารณสุขจึงปรับบทบาทการทำงานของบุคลากร เช่น ทันตแพทย์ช่วยเก็บตัวอย่างตรวจเชื้อ ลดภาระแพทย์ พยาบาล หรือให้เภสัชกรและนักวิชาการสาธารณสุขมาช่วยทำงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง และสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เครื่องช่วยหายใจ เครื่องออกซิเจนไฮโฟลว์ เป็นต้น รวมทั้งกรมสุขภาพจิตได้มีการวางระบบให้คำแนะนำแก่ผู้บริหารในการดูแลขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ที่เหนื่อยล้าจากทำงานสู้โควิดมายาวนานใกล้จะ 2 ปี
สำหรับการป้องกันเกิดคลัสเตอร์ใหม่ในพื้นที่ เช่น ในโรงงานทุกประเภทที่ให้ใช้มาตรการ Bubble and Seal เพื่อควบคุมโรคและป้องกันการแพร่เชื้อในโรงงานที่ยังไม่มีการติดเชื้อ โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจะให้ข้อมูลเพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน รวมถึงตลาด สถานศึกษา โรงเรียนประจำ กลุ่มขนส่งทั้งภายในจังหวัดและข้ามจังหวัด และกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ ให้มีการประเมินตนเองผ่าน Thai Stop COVID Plus ของกรมอนามัย
นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป จะเร่งรัดการฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยง 608 ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป โรคประจำตัวเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไปเพื่อลดอัตราการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต

นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์จริต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าตั้งเป้าเร่งรัดการฉีดให้ได้วันละไม่น้อยกว่า 3.5 แสนโดส เน้นในผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มโรคเรื้อรังและหญิงตั้งครรภ์ ให้เชิงรุกออกค้นหาให้ได้รับวัคซีนครอบคลุมมากที่สุด โดยจังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตั้งเป้าให้ครอบคลุมร้อยละ 70 ส่วนจังหวัดควบคุมสูงสุด ตั้งเป้าฉีดให้ได้ร้อยละ 50 ของเป้าหมาย เพื่อให้ลดอัตราการป่วยและเสียชีวิตให้ได้มากที่สุด
ข้อมูล ณ วันที่ 4 สิงหาคม 2564 ทั้ง12 เขตสุขภาพได้รับการจัดสรรวัคซีนทั้งหมด 14,738,152 โดส ดำเนินการฉีดในกลุ่ม 608 ได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ ได้เฉลี่ยวันละเกือบ 3 แสนโดส เฉพาะผู้สูงอายุ 60ปี ขณะนี้ดำเนินการได้ 3.2 ล้านโดส
ทั้งนี้ จะได้ประชุมติดตามเร่งรัดการฉีดวัคซีนกับผู้ช่วยผู้ตรวจราชการทุกสัปดาห์ เพื่อให้การฉีดวัคซีนเป็นไปตามแผนที่ตั้งไว้ ได้ปรับกลยุทธ์โดยสามารถฉีดในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลได้ เพื่อให้ประชาชนมีภูมิคุ้มกันโรค ลดป่วย ลดตายให้ได้มากที่สุด
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง:
ปิดแคมป์คนงานไล่คนกลับบ้าน ระวังโควิดลามต่างจังหวัดรอบใหม่
ทุบสถิติ! โควิด19 วันนี้ 5 ส.ค. เพิ่ม 20,920 ราย เสียชีวิต 160 ราย