องค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนการจับคู่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ต่างยี่ห้อไม่ควรเป็นการตัดสินใจส่วนบุคคล แต่ควรจะผ่านการพิจารณาของหน่วยงานภาครัฐโดยอ้างอิงจากข้อมูลที่มีอยู่
การออกมาเตือนขององค์การอนามัยโลก หลังจากที่หลายประเทศเตรียมฉีดวัคซีนโควิดต่างยี่ห้อ โดยอ้างว่าทำให้มีภูมิคุ้มกันเพิ่มสูงขึ้น แม้ขณะนี้จะอยู่ระหว่างขั้นตอนการทดลองเท่านั้น
องค์การอนามัยโลก ระบุว่าซุมยา สวามินาธาน หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ขององค์การฯ ระบุว่าแม้การจับคู่ฉีดวัคซีนต่างยี่ห้อจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับประชาชนในประเทศที่ขาดแคลนวัคซีน แต่ยังจำเป็นต้องทำการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลการตอบสนองของภูมิคุ้มกันและความปลอดภัย
“เรายังคงรอข้อมูลจากผลการศึกษาด้านการจับคู่ฉีดวัคซีนต่างยี่ห้อ และยังต้องประเมินการตอบสนองของภูมิคุ้มกันและความปลอดภัยของวิธีการดังกล่าว”
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดของสหราชอาณาจักรกำลังนำการทดลองทางคลินิกเพื่อตรวจสอบผลการจับคู่วัคซีนแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) กับวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทค (Pfizer-BioNTech) และได้เริ่มนำวัคซีนของโมเดอร์นา (Moderna) และโนวาแวกซ์ (Novavax) มาร่วมทดลองเมื่อไม่นานมานี้
“ผลการทดลองขั้นต้นของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดพบว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาในโดสแรก และฉีดวัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทคในโดสที่ 2 มีโอกาสเป็นไข้และมีผลข้างเคียงทั่วไปและไม่ร้ายแรงอื่น ๆ สูงกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาทั้งสองโดส”
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง:
ยันนายกฯไม่ได้ห้าม “สลับวัคซีน”
หมอวิชัยไขข้อข้องใจวัคซีนโควิด มีให้รีบฉีด ป้องกันติดเชื้อรุนแรง