ราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบในตลาดโลก เฉลี่ยรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 2-3 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล โดยราคาปิดตลาด ICE Brent ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี ส่วน NYMEX WTI สูงสุดในรอบ 7 ปี และมีแนวโน้มทำสถิติสูงสุดต่อไป
ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ของ International Energy Agency (IEA) ว่าอุปทานน้ำมันดิบโลกในไตรมาส 4 ปี 2564 ต่ำกว่าความต้องการใช้โลก 0.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากอุปสงค์น้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังสหรัฐฯ ประกาศผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเข้าประเทศ (Travel Restriction) สำหรับผู้เดินทางชาวต่างชาติกว่า 30 ประเทศ ที่ได้รับวัคซีนป้องกัน COVID-19 ครบถ้วน เริ่มตั้งแต่ 8 พ.ย. 64 รวมถึงอุปสงค์พลังงานเพิ่มขึ้นเพื่อใช้ทำความอบอุ่นในช่วงฤดูหนาวนี้ ขณะที่ OPEC+ ไม่เพิ่มการผลิตมากขึ้นกว่าข้อตกลงเดิม
ทีมวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มองเทคนิค สัปดาห์นี้ราคา ICE Brent มีแนวโน้มอยู่ในกรอบ 85 – 89 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และมีโอกาสที่ ICE Brent จะขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญ คือ 87 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
ซาอุดีอาระเบียกล่าวในการประชุม Russian Energy Week ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงมอสโก ระหว่างวันที่ 13 – 15 ต.ค. 64 ว่า กลุ่ม OPEC และพันธมิตร (OPEC+) จะไม่เพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน มากกว่ากรอบที่กำหนดไว้ที่เพิ่มขึ้นเดือนละ 400,000 บาร์เรลต่อวัน
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
จีนออกโควตาการนำเข้าน้ำมันดิบให้บริษัทผู้ประกอบการโรงกลั่นเอกชน ครั้งที่ 4/64 อยู่ที่ 14.89 ล้านตัน รวมเป็นโควตาในปี 2564 ที่ระดับ 177.14 ล้านตัน ต่ำกว่าโควตาปี 2563 ที่ 184.55 ล้านตัน และลดลงเป็นครั้งแรกตั้งแต่ทางการจีนเริ่มออกโควตาการนำเข้าน้ำมันดิบให้โรงกลั่นเอกชนในปี 2558
เรื่องที่เกี่ยวข้อง:
รถใช้เบนซินอ่วม น้ำมันแนวโน้มขึ้นต่อ รถดีเซลรอดจากพยุงราคาที่ 30 บาท
